Chateau Clerc Milon-atfirstglass

ทำความรู้จัก Chateau Clerc Milon

ในช่วงต้นปี ค.ศ.1800 ไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ตั้งอยู่บน Pauillac หนึ่งในที่ดินของชายชื่อ M.Mandavy จนภายหลังมันได้กลายเป็น Chateau Duhart Milon โดยพื้นที่ถัดไปจากไร่องุ่นของพวกเขาเป็นไร่องุ่นไวน์ Bordeaux ของนาย Jean-Baptiste Clerc ครอบครัว Clerc เป็นเจ้าของไร่องุ่นเมื่อถึงปี ค.ศ. 1855 Clerc ขายที่ดินส่วนหนึ่งให้กับนาย Lamena ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในปี 1863 ส่วนที่เหลืออยู่ในครอบครองของเขาถูกสืบทอดมาโดยภรรยาม่ายของเขา

การดื่มและเพลิดเพลินไปกับไวน์ชั้นดีอย่าง Chateau Clerc Milon สามารถทำได้ในที่เปิดทั่วไป แต่สำหรับผมและคิดว่าการทานในห้องใต้ดินเป็นอะไรที่เพอร์เฟ็คสุดๆ แล้วสำหรับผม โดยปกติแล้วไวน์จะรสชาติดยิ่งขึ้นไปอีกเมื่ออายุได้ถึง 8 – 12 ปี แน่นอนว่ามันอาจจะแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ขึ้นกับการช่วงเวลาและลักษณะของการเก็บเกี่ยวผลผลิต ไวน์ที่ดีและมีความสมบูรณ์จะต้องอยู่ระหว่าง 10 – 25 ปีเป็นอย่างต่ำหลังจากการเก็บเกี่ยว จะช่วยให้ไวน์มีรสนุ่มและมีกลิ่นหอม ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวจะต้องมีการนำออกบ้างเล็กน้อยเพื่อนำตะกอนที่เกิดออกจากกระบวนการหมัก

โดยปกติแล้ว Chateau Cleric Milon จะมีวิธีกินที่เฉพาะตัว ต้องเสริฟ์ในอุณหภูมิที่ 15.5 องศาเซลเซียส หรือประมาณ 60 องศาฟาเรนไฮต์ อุณหภูมิห้องที่เย็นจะช่วยให้ไวน์มีความสด และรสชาติอร่อยยิ่งขึ้น ยิ่งนำไปทานร่วมกับอาหารชนิดต่างๆ อย่างเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ หรือแม้แต่เนื้อเป็ด เมนูพวกนี้เข้ากันได้เป็นอย่างดีอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญของคนชอบทานอาหารเอเชีย ไวน์ Cleric นี่เข้ากันได้เป็นอย่างดีเชียวละ

แล้วจะดูอย่างไรว่าเป็นไวน์ที่ดี และเหมาะสมกับการซื้อแล้ว ในการเลือกซื้อ Chateau Cleric ผมจะมาแนะนำอย่าหนึ่งคือเราสามารถดูปีตั้งแต่ 2000 – 2016 เป็นต้นไป ถือว่าซื้อได้ เป็นผลผลิตที่ให้ความสมบูรณ์ที่สมแล้วเท่าที่จะมีได้ใน Chateau โดยเลือกจากการเก็บเกี่ยวในช่วงที่ผลมีเจริญเติบโตแบบเต็มที่ โดยถ้าพูดถึงยอดการผลิตละก็ไวน์ขวดนี้ทำยอดผลิตได้ถึง 16,000 ลังต่อปีเลยทีเดียว นับเป็นตัวเลขที่เยอะมากเมื่อเทียบกับไวน์ชนิดอื่นๆ บนโลก เป็นรองก็แค่ไวน์อย่าง Pastourelle de Clerc Milon ที่เปิดตัวผลิตครั้งแรกในปี 2009 ถือเป็นรุ่นพี่ใหญ่ภายใต้แบรนด์เดียวกัน

ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นที่ออกมาหลังPastourelle de Clerc Milon แต่รสชาติที่คุณจะได้สัมผัสแทบจะคล้ายคลึงกัน แทบอาจจะมีรสชาติที่อ่อนนุ่มเสียกว่าด้วยซ้ำ สำหรับคนที่มองหาไวน์ชั้นดี และงบจำกัด การเลือกซื้อไวน์ Chateau Duhart Milon อาจเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ


How to drink wine properly according to international principles.

วิธีการดื่มไวน์ที่ถูกต้องตามหลักสากล

การชิมไวน์เป็นศิลปะอีกรูปแบบหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อวิเคราะห์สิ่งที่ซ่อนอยู่ในไวน์ชนิดนั้น เพื่อให้เกิดความเพลิดเพลินในการดื่ม สำหรับคนที่เป็นนักชิมไวน์ระดับมืออาชีพ จะมีคำว่า MW ต่อท้ายชื่อ แต่ก่อนจะทำการชิมไวน์ควรเริ่มจาการเลือกแก้วไวน์ก่อน โดยแก้วไวน์ที่ถูกต้องตามหลัก ต้องเป็นแก้วใสขนาดใหญ่ ปราศจากลวดลายใดๆ มีก้านยาว เพื่อให้ได้รับรสและกลิ่นของไวน์อย่างเต็มที่

วิธีการดื่มไวน์ที่ถูกต้องตามหลักสากล

  • ดู

ก่อนดื่มไวน์ ให้รินไวน์ลงในแก้วประมาณ 1 ใน 3 ให้คุณยกแก้วขึ้นเพื่อส่องดูกับแสง  ซึ่งต้องเป็นแสงสว่างแบบดวงอาทิตย์ถึงจะถูกต้อง ดูในที่นี้ก็คือ ดูความลึกของสีปกติ รวมทั้งความเข้มของสี  เช่น ไวน์แดง สีจะมี สีแดง สีโกเมน สีม่วง หรือสีอิฐ จากนั้นให้แกว่งแก้ว 2 – 3 รอบ เพื่อดูความเข้มข้น โดยมีหลักในการดูว่าน้ำไวน์ ไหลลงก้นแก้วเร็วหรือไม่ ถ้าเป็นไวน์ชั้นสูง น้ำจะไหลลงช้ามาก หมายความว่าไวน์นั้นมี Body เยอะ แต่ถ้าไหลเร็ว แปลว่าไวน์มีปริมาณของน้ำเยอะมาก

  • ดมและอม

กลิ่นของไวน์สามารถบอกอะไรได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นของผลไม้หลากชนิด กลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์ กลิ่น Acid กลิ่นโอ๊ก เป็นต้น ให้คุณแกว่งแก้วเบาๆ 3 – 4 ครั้ง เพื่อให้กลิ่นไวน์ฟุ้งกระจาย ได้สัมผัสกับอากาศ ส่งกลิ่นอบอวลอยู่ในแก้ว แล้วนำจมูกของคุณยื่นลงไปในแก้ว พอสมควร ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือ MW จะสามารถรับรู้ถึงกลิ่นอันแท้จริงของไวน์ได้ ด้วยการอมไวน์ไว้ในปากแล้วแหงนหน้าสูดหายใจเข้าไปเบาๆ กลิ่นของไวน์ก็จะเข้าสู่ลำคอ ด้วยวิธีนี้จะทำให้ได้กลิ่นไวน์ดีกว่า การดมด้วยจมูก แต่สำหรับนักชิมมือใหม่ถ้าจะใช้วิธีนี้ ควรระมัดระวังเป็นอย่างสูง เพราะคุณอาจสำลักไวน์ที่อยู่ในปากในขณะสูดกลิ่น

  • ลิ้มรส

การลิ้มรสอย่างมืออาชีพ ไม่ใช่แค่การกรอกเข้าปากอย่างช้าๆแล้วกลืนลงท้อง แต่ต้องค่อยๆกลั้วในลำคอคอให้ทั่ว เพื่อให้ประสาทของลิ้น ได้รับรู้รส เปรี้ยว หวาน และฝาด ให้ครบ จากนั้นก็ให้เคี้ยวน้ำเหมือนกับเคี้ยวข้าว  2 – 3 ครั้ง ตามด้วยสูดลมเข้าปากเพื่อให้กลิ่นแอลกอฮอล์ถูกส่งเข้าไปในโพรงจมูก แต่อย่าเพิ่งกลืน ให้บ้วนทิ้ง โดยพวก MV จะมีถังถ่มน้ำลาย เป็นของตัวเอง รวมทั้งได้รับการยกเว้นไม่ถือว่าเป็นการเสียมารยาท จากนั้นค่อยจิบไวน์อีกครั้ง ลิ้มรสอีกรอบแต่คราวนี้กลืนลงคอได้ จะทำให้รับรู้รสไวน์ได้อย่างครบถ้วน

 

  • สรุป

หลังจากที่ลิ้มรสแล้วคุณให้คุณปล่อยตัวดื่มด่ำไปกับรสชาติ รวมถึงพิจารณาว่ารสชาติที่คุณดื่มเข้าไปนั้นเป็นอย่างไร


5 recommended wines for wine beginners

5 ไวน์แนะนำที่เหมาะกับเหล่า Wine beginners

สำหรับคนพึ่งหัดดื่มไวน์ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากขวดไหนดี เพราะไวน์มีมากมายหลายชนิด วันนี้เราจะมาแนะนำ ไวน์ 5 ยี่ห้อ ซึ่งมีรสชาติได้รับความนิยม ถูกปากคนไทย ราคาไม่แรง เหมาะกับมือใหม่ในเรื่องไวน์มากๆเลยค่ะ

5 ไวน์แนะนำสำหรับเหล่า Wine beginners

PENFOLDS BIN 2

Bin2 เป็นไวน์แดงรุ่นถูกที่สุดของ  Penfold ไวน์จากประเทศออสเตรเลียชื่อดัง ซึ่งได้รับความนิยมมาก แม้แต่มือใหม่ก็ต้องเคยได้ยินชื่อมากันบ้าง ถึงจะบอกว่าเป็นรุ่นถูกที่สุด แต่ถ้าพูดถึงในเรื่องของคุณภาพและรสชาติ ล้วนได้รับการยอมรับของผู้ดื่มไวน์ทั่วโลก อีกทั้งยังมีราคาไม่สูงมากด้วย เหมาะสำหรับมือใหม่จริงๆ

BARON PHILIPPE DE ROTHSCHILD MOUTON CADET BORDEAUX ROUGE

หนึ่งในไวน์แดงอีกตัวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง มีชื่อเรียกว่า Mouton Cadet  ผลิตโดย Baron Phillipe de Rothschild ซึ่งเป็นผู้ผลิตไวน์ชั้นนำของฝรั่งเศส  ซึ่งไวน์แดง 2 ขวดนี้มีความแตกต่างกันตรงสายพันธุ์ขององุ่น โดย Bin2 นั้นมีองุ่น Shiraz เป็นส่วนผสมหลัก แต่ Mouton Cadet ใช้องุ่นพันธุ์ Merlot  อันเป็นหนึ่งในองุ่นพันธุ์ชั้นนำของโลก มีการปลูกกันอย่างแพร่หลาย จึงเหมาะสำหรับนักจิบไวน์มือใหม่ แถมราคาไม่แรงด้วย

ROBERT MONDAVI WOODBRIDGE CABERNET SAUVIGNON

เป็นไวน์แดงที่น่าสนใจอีกหนึ่งรุ่นของ Robert Mondavi ไวน์ดังจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ใช้องุ่นพันธ์  CABERNET SAUVIGNON สำหรับนักชิมไวน์มือใหม่ จะได้สัมผัสถึงความโดดเด่นของกลิ่นโอ็ค สมุนไพรและไม้ซีดาร์ บวกกับความชุ่มฉ่ำอันแสนเคลิบเคลิ้มของผลพลัม และ แบล็คเบอร์รี่ เท่านั้นยังไม่พอ เพราะ มีการสอดแทรกด้วยกลิ่นของยาสูบ และ รสหวานของคาราเมล ได้อย่างเป็นหนึ่งเดียว

BARON PHILIPPE DE ROTHSCHILD RESERVA SAUVIGNON BLANC

ไวน์ 3 ชนิดข้างบนที่ได้กล่าวมาแล้ว ใช้พันธุ์ขององุ่นแตกต่างกัน เพื่อให้ไปลองชิมดูว่าชอบรสชาติแบบไหนมากที่สุด คราวนี้เรามาลองมาดูไวน์ขาวกันบ้าง ไวน์ขาว Baron Phillipe de Rothschild ผลิตในประเทศชิลี ให้กลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้ พร้อมทั้งใส่ ผิวส้ม มะนาว พีช ส่วนผสมเหล่านี้ช่วยสร้างความสดชื่น ให้แก่ผู้ดื่มที่ชอบไวน์ขาวเป็นอย่างมาก

7 CASCINE PROSECCO EXTRA DRY SPUMANTE

ไวน์ขวดสุดท้ายที่เราจะนำมาแนะนำในวันนี้ คือ  Sparkling wine ใช้องุ่นพันธ์ Prosecco เป็นพันธุ์องุ่นที่นำมาทำSparkling wine 7 CASCINE ขวดนี้มาจากแคว้น Veneto ประเทศ Italy ซึ่งกำลังได้รับนิยมมาก เนื่องจากมีคุณสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของแอปเปิล ให้ความรู้สึกชื่นและรสชาติอันยอดเยี่ยม ทิ้งสัมผัสได้ยาวนาน ราคาไม่แพง เป็นไวน์ที่ Dry มาก สำหรับคนไหนชอบดื่มแบบ Dry น่าจะชอบมาก เหมาะสำหรับงานเลี้ยงสังสรรค์ หรือมอบเป็นของขวัญในโอกาสดีๆค่ะ


atfirstglass-Fake -s

วิธีการดูว่าไวน์ปลอม ว่าแท้ดูกันอย่างไร

เรื่องของแท้หรือของปลอมเชื่อว่ามันน่าจะเคยเกิดขึ้นกับทุกๆ สินค้าที่มีมาบนโลกใบนี้อย่างแน่นอน เพราะด้วยหากมองกันในเรื่องของความเป็นจริงสินค้าบางอย่างที่มีราคาสูงมากเกินไปจนคนธรรมดาไม่สามารถซื้อเพื่อนำมาใช้งานได้ พวกพ่อค้าหัวใสทั้งหลายจึงเลือกที่จะทำสิ่งของเหล่านั้นให้เป็นของปลอมเพื่อที่ว่าจะได้สามารถนำไปขายได้ด้วยราคาที่ถูกลง จึงรวมไปถึงเครื่องดื่มที่มีมูลค่าสูงอย่างไวน์ก็จัดว่ามีการทำของปลอมขึ้นมาเลียนแบบไม่แพ้กัน ซึ่งประเด็นหลักของสินค้าชนิดนี้ต้องบอกว่าหากมองด้วยตาเปล่ามันไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่านี่คือ ของจริงหรือของปลอม

ไวน์ปลอม จะมีลักษณะอย่างไรบ้าง

มันเหมือนกับสินค้าประเภทไวน์เป็นสินค้าที่ต้องอาศัยในเรื่องของความเชี่ยวชาญ ความชำนาญเป็นหลักอันดับแรกสำหรับการที่จะบ่งบอกว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์แท้หรือว่าไวน์ปลอม จุดเริ่มต้นแรกของการดูว่าไวน์ไหนแท้หรือไวน์ไหนปลอมก็สามารถดูได้จากแสตมป์ภาษีที่ถูกติดเอาไว้ที่ขวดไวน์ ซึ่งเอาเข้าจริงหากเป็นในยุคก่อนๆ วิธีนี้ก็พอจะใช้อย่างได้ผลได้ในระดับหนึ่งแต่ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีมันพัฒนาไปไกลมากการดูฉลากแสตมป์นี้ไม่สามารถบ่งบอกได้แบบเต็มร้อยว่าไวน์ขวดนี้ปลอมหรือไม่
ในอดีตไวน์ที่ถูกปลอมแปลงมากที่สุดจะเป็นไวน์ที่ถูกเรียกว่า ชาโต้ หรือ Chateau เนื่องจากมีความเชื่อสำหรับผู้นิยมรักการดื่มไวน์ว่าหากไวน์ขวดไหนมีฉลากนี้อยู่จะถือว่าเป็นไวน์ที่มีรสชาติดี ทำให้มีพ่อค้าแม่ค้าบางรายเกิดอาการหัวใสนำเอาไวน์ราคาถูกแต่ไปแปะฉลากที่มีคำว่า ชาโต้ แล้วเอาไปทำกำไรกันอย่างสบายใจ ซึ่งในกรณีนี้ก็อย่างที่บอกว่าต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือคนที่ดื่มไวน์เป็นประจำเมื่อลองดื่มแล้วจะทำให้รู้ว่าใช่หรือไม่
อีกวิธีหนึ่งที่มีการปลอมไวน์กันมากก็คือการนำขวดไวน์ที่มีชื่อเสียงมาใส่ไวน์ที่มีราคาถูก โดยวิธีการของพวกนี้ก็จะมีการนำเอาขวดที่เป็นยี่ห้อไวน์ดังๆ มาจากนั้นก็นำไวน์ราคาถูกมากรอกใส่ลงไป ปิดฝา ติดแสตมป์เท่านี้ก็ปลอมได้สำเร็จ ซึ่งคนที่ซื้อจะไม่มีสิทธิ์รู้ได้เลยถ้าหากว่าไม่ลองเปิดดื่มดู
นอกจากนี้มีการปลอมไวน์อีกประเภทที่อาจไม่ใช่การปลอมโดยตรงแต่เหมือนกับเป็นการขายไวน์เถื่อนที่เรียกกันว่า “ไวน์หัวโล้น” โดยเป็นไวน์แท้ที่ไม่มีแสตมป์ผ่านเรื่องภาษีนั่นเอง วิธีการดูไวน์ว่าแท้หรือจริงแค่ไหนท้ายที่สุดคนธรรมดาทั่วไปก็อาจจะยังไม่มีความสามารถมากพอโดยจำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตรวจสอบอีกที


atfirstglass-tipssobrevinos

การดื่มไวน์แดง ของคนเริ่มต้นควรเลือกดื่มชนิดไหน

สำหรับการดื่มไวน์หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทต่างๆ หลายคนอาจมองว่าจริงๆ แล้วมันไม่เห็นจำเป็นจะต้องมานั่งเลือกกันเลยว่าควรเลือกดื่มไวน์ประเภทไหนก่อนสำหรับผู้ที่หัดดื่มหรือว่าคนที่ดื่มไปจนรู้สึกเคยชินแล้วควรเลือกดื่มไวน์ประเภทไหนดี เพราะไม่ว่าจะดื่มแบบไหนมันก็ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบส่วนบุคคลด้วยกันทั้งสิ้น ทว่าจริงๆ แล้วการเลือกดื่มไวน์ที่ดีสำหรับคนที่เริ่มดื่มเอง โดยเฉพาะไวน์แดงก็เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยที่ควรต้องให้ความใส่ใจ ไม่ใช่ว่าจะเลือกดื่มไวน์แดงแบบไหนก็ได้ ลองมาดูประเภทของไวน์แดงที่เหมาะกับผู้เริ่มต้นดื่มใหม่ ว่าควรเลือกไวน์ประเภทไหนบ้าง

ไวน์แดงที่เหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นดื่มไวน์

1. Spanish Garnacha (Grenache) – นี่คือไวน์ที่บ่งบอกว่าเหมาะสมอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าใจในรสชาติความเปรี้ยวของไวน์ ถือว่าเป็นไวน์ที่ผู้ดื่มทุกคนสามารถจับรสชาติของความเปรี้ยวออกมาได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากว่าเป็นไวน์ที่ประกอบไปด้วยองุ่นรสเปรี้ยว ต้นกำเนิดหลักมาจากฝรั่งเศสตอนใต้กับสเปน นักดื่มมือใหม่ควรหัดดื่มรสราสเบอร์รี่, ส้ม, เชอร์รี่หวาน
2. California Zinfandel – จะช่วยทำให้เข้าใจแอลกอฮอล์ในไวน์มากยิ่งขึ้นแต่ต้องแน่ใจว่าเลือกไวน์ที่มี 15% ABV เท่านั้น ไม่อย่างนั้นรสชาติจะแปลกไป เมื่อดื่มจะได้รับรสชาติของแอลกอฮอล์ตรงเพดานปาก ซึ่งไวน์ที่มีแอลกอฮอล์สูงจะมีรสเผ็ด มือใหม่ควรเลือกดื่มรสราสเบอร์รี่, ช็อกโกแลต, ชินนาม่อน
3. South Australian Shiraz (Syrah) – จะทำให้รู้จักกับไวน์ Full-bodied มากยิ่งขึ้น ส่วนใหญ่ในออสเตรเลียจะผลิต Shiraz ที่มีรสนุ่มและเบากว่าทั่วๆ ไป มือใหม่นักดื่มสามารถเลือกรสชาติอย่างแบล็กเบอร์รี่, บลูเบอร์รี่, กาแฟ, พริกไทย ได้
4. Spanish Monastrell (Mourvedre) – จะทำให้คุณรู้จักกับ Old World wines ได้เป็นอย่างดี มีต้นกำเนิดมากประเทศสเปนแต่ไม่เป็นที่รู้จักเลยในสหรัฐฯ ทว่ารสชาติก็ค่อนข้างคล้ายคลึงกับ Shiraz ไม่น้อย ทว่าไวน์ตัวนี้จะให้ความเป็น Dark-full bodied มากกว่า รสที่มือใหม่ควรลองคือ พริกไทยดำ, แบล็คเบอร์รี่ และเนื้อย่าง
5. California Petite Sirah – จะทำให้รู้จักว่า Tannin หมายถึงอะไร องุ่น Petite Sirah เป็นองุ่นขนาดเล็กมีเมล็ดกับเนื้อเยอะ ค่าของแทนนินที่ในวงการไวน์รู้จักกันเป็นอย่างดีก็มาจากเมล็ดกับเนื้อขององุ่นนี่เอง ทำให้ไวน์ประเภทนี้จะมีค่าแทนนินสูง เมื่อดื่มเข้าไปจะรู้สึกเหมือนกับว่าแทนนินจะค่อยๆ แห้งหายไปในปาก มือใหม่พยายามเลือกรสแยม, พริกไทยดำ รับรองว่าจะได้รู้ซึ้งถึงรสชาติอย่างแน่นอนสำหรับการลองชิมไวน์คราวนี้


simplyitalians

ไวน์ที่เหมาะสมกับรสนิยมคนไทย

สิ่งที่ทำให้หลายๆ คนชื่นชอบในความเป็นไวน์ก็คือ รสชาติเฉพาะตัวรวมไปถึงกลิ่นที่ไม่เหมือนใคร ส่วนผสมต่างๆ เหล่านี้สามารถที่จะบ่งบอกถึงแหล่งที่มาได้เลยทีเดียวว่านี่คือของขึ้นชื่อจากประเทศใด ยิ่งถ้าหากว่าเป็นไวน์ที่มีอายุยาวนานหน่อยจะยิ่งบ่งบอกถึงประวัติศาสตร์การทำไวน์ได้เป็นอย่างดี การดื่มไวน์ที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องของศิลปะการดื่มสำหรับคนที่มีรสนิยมในด้านนี้ ในส่วนของประเทศไทยเองก็มีคนอยู่จำนวนไม่น้อยที่ให้ความนิยมชมชอบในการลิ้มรสชาติของไวน์ ไม่ว่าจะเป็นไวน์ประเภทใดก็แล้วแต่หากเป็นคนที่ชื่นชอบโดยส่วนตัวแล้ว นี่คือสิ่งที่พวกเขาพึงปรารถนาที่จะได้ลองลิ้มชิมรสในรสชาติอันเป็นเสน่ห์เย้ายวนใจของไวน์แต่ละขวด

อย่างไรก็ดีหลายคนก็คงจะยังมีข้อสงสัยอยู่ว่าแล้วในความเป็นจริงคนไทยเองนิยมที่จะดื่มไวน์แบบไหน เพราะไวน์แต่ละแบบก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน รวมไปถึงเรื่องของสภาพอากาศก็มีส่วนสำคัญในรสชาติของไวน์ไม่น้อย ไวน์เมกเกอร์ หรือ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านไวน์ นามว่า สเตฟานี่ ดัทตัน ซึ่งเป็นไวน์เมกเกอร์ระดับโลกจากเพนโฟลด์ สามารถที่จะให้คำตอบในเรื่องนี้ได้ โดยเจ้าตัวได้กล่าวว่า จริงๆ แล้วแรกเริ่มเดิมทีเขาไม่ได้อยากจะมาทำหน้าที่ตรงนี้ด้วยซ้ำ เหตุเพราะตนเองเรียนจบด้านวิทยาศาสตร์มา ในตอนนั้นจึงมีความสนใจที่จะทำงานเกี่ยวกับด้านวิทยาศาสตร์เสียมากกว่า แต่มันก็เป็นเหมือนนิสัยของเขาในการชอบทดลองไปเรื่อย จึงเริ่มสนใจในเรื่องของไวน์ และได้เริ่มศึกษาอย่างจริงจังตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 เจ้าตัวกล่าวต่อว่า การเลือกดื่มไวน์ของแต่ละบุคคลนั้นจริงๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของบุคลิกภายนอกสักเท่าไหร่ ในความคิดของเขาเชื่อว่าการเลือกดื่มไวน์นั้นขึ้นอยู่กับพื้นที่ สภาพภูมิอากาศ และสภาพร่างกายของคนๆ นั้นเป็นหลัก ถ้าหากว่าเป็นเมืองไทยด้วยสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวจึงควรเลือกดื่มไวน์ขาวที่มีรสชาตินุ่มละมุนลิ้น หากดื่มไวน์แดงจะยิ่งเพิ่มความร้อนเข้าไปให้กับร่างกาย ทว่าเท่าที่สังเกตคนไทยกลับชอบดื่มไวน์แดงเนื่องจากว่าคนไทยเองชื่นชอบในรสชาติที่เข้มข้น ซึ่งก็ไม่ได้ผิดและทำให้เขารู้ว่าอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถระบุได้ว่าการดื่มไวน์ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละบุคคลด้วย

หากไวน์ตัวไหนที่ผู้ดื่มรู้สึกว่าดื่มแล้วทำให้ตัวเองมีความสุข รสชาติดี นั่นก็คือไวน์ที่เหมาะสมกับคนๆ นั้น แต่ก็อย่าลืมว่าเรื่องของสภาพอากาศ รวมไปถึงบรรยากาศโดยรวมในขณะนั้นก็มีส่วนสำคัญในการเลือกดื่มไวน์เช่นเดียวกัน

รูปภาพประกอบการดื่มไวน์

atfirstglass-wine-th

wine-shutterstock


atfirstglass-signature

เลือกไวน์แบบไหนที่รสชาติดี เหมาะสมกับการดื่ม

คนส่วนใหญ่นั้นบางคนไม่มีความรู้เรื่องการเลือกไวน์เลย เพราะว่าในท้องตลาดสมัยนี้ก็มีไวน์วางขายกันเต็มไปหมด แต่ไวน์ที่มีรสชาติที่ดีจริงๆนั้นหายาก เพราะว่าเราต้องรู้ด้วยว่าไวน์นั้นชั้นดีจริงหรือไม่ เพราะถ้าเราไปเลือกซื้อไวน์ที่มีราคาตามร้านขายไวน์โดยตรง เราต้องเป็นคนที่เลือกเป็นจริงๆเท่านั้น ถึงจะได้ไวน์ที่มีคุณภาพอีกมากมาย ซึ่งคนที่สามารถเลือกไวน์ที่มีรสชาติที่ดีเยี่ยมนั้น ต้องมาจากการที่เราดูไวน์เป็นด้วย เพราะว่าไวน์เราต้องรู้ด้วยว่ากำลังดื่มไวน์กับอาหารแบบไหนอยู่นั้นเอง เราก็จะได้เลือกไวน์ให้เข้ากับการทานอาหารในแต่ละมื้อนั้นเอง เพราะไวน์จะมีหลายรสชาติให้เราได้เลือกดื่มอย่างอร่อยนั้นเอง ซึ่งการเลือกไวน์จะมีปัจจัยหลายอย่างในการผลิต และรสชาติที่ต่างกันออกไป ซึ่งจะมีรสชาติที่แหวกแนวออกไปคนละทาง เพราะไวน์จะมีวิธีการหมักที่แตกต่างกัน

ไวน์ขั้นดีควรดูอย่างไร

โดยผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ท่านหนึ่ง ได้ออกมาบอกวิธีการเลือกไวน์ให้เราได้ดื่นกันอย่างมีความสุขและเพลิดเพลินไปกับรสชาติของไวน์ เพราะอย่างในสังคมของคนดื่มไวน์นั้นเขาก็จะมีเทคนิคในการเลือกไวน์ชั้นดีอยู่แล้ว ถ้าเปรียบกับเราแล้วที่ไมรู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับไวน์ ซึ่งการเลือกไวน์ของแต่ละคนนั้นจะไม่เหมือนกัน และยี่ห้อที่ชอบก็จะต่างกันออกไปนั้นเอง เพราะความชอบของรสชาติไม่เหมือนกัน บางคนชอบอีกแบบและบางคนชอบอีกแบบเช่นกัน
– ดูที่ปีพ.ศ. ของไวน์ ถ้าไวน์มีอายุในการผลิตนานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีรสชาติที่ดีมากๆ เพราะจะได้รับการหมักเข้าไปอีกจากตอนแรกที่หมักมานานอยู่แล้วนั้นเอง
– ดูยี่ห้อไวน์ การดูยี่ห้อของไวน์นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดูความอร่อยของไวน์เลยก็ได้ เพราะยี่ห้อที่อร่อยนั้นก็จะมีบอกอยู่และเราควรรู้ด้วยว่าเราชอบยี่ห้อไหนมากที่
– ดูที่สีของจุกปิดไวน์ ว่ามีความเก่าขนาดไหน เพราะถ้ายิ่งมีความเก่าแกนานมากเท่าไหร่ ก็จะเป็นไวน์ที่มีรสชาติที่อร่อยมากเท่านั้น ซึ่งดูฝาจุกนั้นเป็นอะไรที่ง่ายมากเลยพียงแค่เราดูออกว่าผ้าจุกนี้เป็นฝาจุกโบราณแล้วนั้นเอง
– ประเทศที่ผลิตไวน์ คือประเทศที่เราชอบด้วยจริงๆ เพราะว่าประเทศนั้นได้วิธีการหมักไวน์ที่ต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ โดยที่คนดื่มไวน์ต้องรู้ว่าเราชอบไวน์ประเทศไหนและชอบรสชาติของไวน์ประเทศไหนนั้นเอง


หมักไวน์แบบไหนให้รสชาติดี

atfirstglass-classic

ไวน์เป็นสูตรลับที่ไม่ตายตัวเพราะเราสามารถทำไวน์ขึ้นมาจากผลไม้ชนิดใดก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วการทำไวน์นั้นจะใช้องุ่นเป็นส่วนใหญ่ เพราะคนจะนิยมดื่มไวน์องุ่นกันนั้นเอง เราจึงมีวิธีมาแนะนำในการทำไวน์มานำเสนอ เป็นวิธีแบบบ้านๆแต่สามารถได้ไวน์ที่มีคุณภาพไว้ดื่มกันที่บ้านอีกด้วย

ส่วนประกอบ+วัตถุดิบในการทำไวน์

– ผลไม้ 16 ถ้วย
– น้ำผึ้ง 2 ถ้วย
– ยีสต์ 1 ห่อ
– น้ำกรอง
– อุปกรณ์ที่หมักไวน์ ควรเตริมให้พร้อมทุกอย่าง

วิธีทำ

– นำผลไม้ไปล้างน้ำให้สะอาด และนำไปบดขยี้ให้ละเอียดจนได้น้ำผลไม้ออกมา เพื่อให้ได้ยีสต์จากธรรมชาติเข้าไปนั้นเอง โดยวิธีนี้ถือว่าเป็นการเพิ่มยีสต์จากธรรมชาติได้เลยทีเดียว
– นำไปผสมกับน้ำผึ้งจนได้ความหวานที่ลงตัว แต่ถ้าใครชอบความหวานจากองุ่นอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้ และใส่ยีสต์ลงไป และนำไวน์ที่ได้เทใส่ขวดที่เราเตรียมไว้
– ปิดฝาขวดให้สนิทและเก็บเอาไว้ค้างคืนไปเลย และได้สักประมาน 2-3 คืนก็เปิดคนไวน์ให้เข้ากัน
– เราคอยคนน้ำผลไม้วันละสองถึงสามครั้ง หลังจากวันที่คุณผสมส่วนผสมแล้วให้เปิดฝาแล้วคนส่วนผสมให้ทั่ว ก่อนจะปิดฝากับไปนั้นเอง ควนทำอยู่ในช่วงวันแรกทุกๆ 4 ช.ม
– ควรคนไวน์สองสามวันคนที หลังจากผ่านไปสามวันแล้ว ส่วนผสมทั้งหมดจะมีฟองผุดขึ้นมา เพราะยีสต์ได้มีการเคลื่อนไหนหรือทำงานแล้วนั้นเอง เพราะเป็นขั้นตอนในการเลิกรสชาติของไวน์ได้ดีเลย
– นำไวน์ออกหลังจากสามวันที่ฟองผุดๆขึ้นมานั้นเอง และนำไปกรองและถ่ายเทน้ำ และเราก็จะเทใส่ขวดที่เตรียมไว้ในการเก็บรสชาติของไวน์ได้ดีนี้เอง และพอเทใส่ขวยที่เราเตรียมไว้บ่มไวน์แล้ว ให้ติดแอร์ล็อคที่ปากขวดเพื่อแพร่ก๊าซและจะกันไม่ให้อ็อกซิเจนออกหรือเข้ามานั่นเอง เพราะถ้าสามารถเข้ามาได้รสชาติของไวน์เสียนั่นเอง
– หนักไวน์ไว้อย่างน้อย 3 เดือน แต่ถ้าหมักทิ้งไว้เป็นปีๆเลยก็จะดีมากเพราะรสชาติของไวน์นั้นจะมีรถชาติที่ดีอย่างมาก แต่ถ้าเรานำไวน์ออกมาดูตอนสัก 10 เดือนแล้วก็สามารถเติมน้ำผึ้งลงไปได้นั้นเอง เพราะน้ำผึ้งจะเป็นตัวที่เรียกรสชาติของไวน์ได้มากขึ้นไปอีก
– วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดแบคทีเรียในไวน์ ควรใส่ Campden tabiet ลงไปในขวดด้วยก็ดึงแอร์ล็อคให้ไวที่สุดนั้นเอง และเราก็จะได้ไวน์ที่มีคุณภาพมาดื่มแล้วนั้นเอง


penfolds-grange-hermitage-1951

ไวน์แพงอันดับที่ 10 Penfolds Grange Hermitage 1951

Penfolds Grange Hermitage 1951 (เพนโฟลต์ เกรนจ์ เฮอร์มิเทจ 1951) เป็นไวน์แดงจากประเทศ ออสเตรเลีย โดยใช้องุ่นแดงจาก Shiraz (ซีราส) ในการนำมาทำเป็นไวน์ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ไวน์ Penfolds Grange Hermitage 1951 นี้มีราคาแพงเนื่องจากมีเพียง 20 ขาวในโลกเท่านั้นและมันอาจจะลดลงและหายากมาขึ้นอีกก็เป็นได้ ซึ่งราคาในปัจจุบันอยู่ที่ 38,420 ดอลลาร์ หรือ 1,300,000 บาท


massandra-1775

ไวน์แพงอันดับที่ 9 Massandra 1775

Massandra 1775 (มาสซานดรา 1775) เป็นไวน์ที่จะเรียกว่า 2 สัญชาติก็ว่าได้ เพราะ Massandra 1775 นั้นเป็นไวน์ที่ถูกผลิตขึ้นในประเทศสเปน และถูกนำไปบ่มต่อในประเทศยูเครนในโรงงานที่เก่าแก่มากที่สุด และไวน์ Massandra 1775 ล็อตนี้ถูกเก็บไว้นานมากว่าหลายร้อยปี จนไม่สามารถรับประทานได้ แต่ก็เป็นไวน์ที่ติดอันดับราคาแพงถึง 43,500 ดอลลาร์ หรือ 1,500,000 บาท