
เรื่องของแท้หรือของปลอมเชื่อว่ามันน่าจะเคยเกิดขึ้นกับทุกๆ สินค้าที่มีมาบนโลกใบนี้อย่างแน่นอน เพราะด้วยหากมองกันในเรื่องของความเป็นจริงสินค้าบางอย่างที่มีราคาสูงมากเกินไปจนคนธรรมดาไม่สามารถซื้อเพื่อนำมาใช้งานได้ พวกพ่อค้าหัวใสทั้งหลายจึงเลือกที่จะทำสิ่งของเหล่านั้นให้เป็นของปลอมเพื่อที่ว่าจะได้สามารถนำไปขายได้ด้วยราคาที่ถูกลง จึงรวมไปถึงเครื่องดื่มที่มีมูลค่าสูงอย่างไวน์ก็จัดว่ามีการทำของปลอมขึ้นมาเลียนแบบไม่แพ้กัน ซึ่งประเด็นหลักของสินค้าชนิดนี้ต้องบอกว่าหากมองด้วยตาเปล่ามันไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่านี่คือ ของจริงหรือของปลอม
ไวน์ปลอม จะมีลักษณะอย่างไรบ้าง
มันเหมือนกับสินค้าประเภทไวน์เป็นสินค้าที่ต้องอาศัยในเรื่องของความเชี่ยวชาญ ความชำนาญเป็นหลักอันดับแรกสำหรับการที่จะบ่งบอกว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์แท้หรือว่าไวน์ปลอม จุดเริ่มต้นแรกของการดูว่าไวน์ไหนแท้หรือไวน์ไหนปลอมก็สามารถดูได้จากแสตมป์ภาษีที่ถูกติดเอาไว้ที่ขวดไวน์ ซึ่งเอาเข้าจริงหากเป็นในยุคก่อนๆ วิธีนี้ก็พอจะใช้อย่างได้ผลได้ในระดับหนึ่งแต่ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีมันพัฒนาไปไกลมากการดูฉลากแสตมป์นี้ไม่สามารถบ่งบอกได้แบบเต็มร้อยว่าไวน์ขวดนี้ปลอมหรือไม่
ในอดีตไวน์ที่ถูกปลอมแปลงมากที่สุดจะเป็นไวน์ที่ถูกเรียกว่า ชาโต้ หรือ Chateau เนื่องจากมีความเชื่อสำหรับผู้นิยมรักการดื่มไวน์ว่าหากไวน์ขวดไหนมีฉลากนี้อยู่จะถือว่าเป็นไวน์ที่มีรสชาติดี ทำให้มีพ่อค้าแม่ค้าบางรายเกิดอาการหัวใสนำเอาไวน์ราคาถูกแต่ไปแปะฉลากที่มีคำว่า ชาโต้ แล้วเอาไปทำกำไรกันอย่างสบายใจ ซึ่งในกรณีนี้ก็อย่างที่บอกว่าต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือคนที่ดื่มไวน์เป็นประจำเมื่อลองดื่มแล้วจะทำให้รู้ว่าใช่หรือไม่
อีกวิธีหนึ่งที่มีการปลอมไวน์กันมากก็คือการนำขวดไวน์ที่มีชื่อเสียงมาใส่ไวน์ที่มีราคาถูก โดยวิธีการของพวกนี้ก็จะมีการนำเอาขวดที่เป็นยี่ห้อไวน์ดังๆ มาจากนั้นก็นำไวน์ราคาถูกมากรอกใส่ลงไป ปิดฝา ติดแสตมป์เท่านี้ก็ปลอมได้สำเร็จ ซึ่งคนที่ซื้อจะไม่มีสิทธิ์รู้ได้เลยถ้าหากว่าไม่ลองเปิดดื่มดู
นอกจากนี้มีการปลอมไวน์อีกประเภทที่อาจไม่ใช่การปลอมโดยตรงแต่เหมือนกับเป็นการขายไวน์เถื่อนที่เรียกกันว่า “ไวน์หัวโล้น” โดยเป็นไวน์แท้ที่ไม่มีแสตมป์ผ่านเรื่องภาษีนั่นเอง วิธีการดูไวน์ว่าแท้หรือจริงแค่ไหนท้ายที่สุดคนธรรมดาทั่วไปก็อาจจะยังไม่มีความสามารถมากพอโดยจำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตรวจสอบอีกที